Edge of Destiny – ตอนที่ 1 – คนโง่และผู้ติดตาม
“อย่าขยับ!”
หมาป่าตัวใหญ่เงยหน้าขึ้นมาพลางส่งสายตาดุร้าย
“อยู่นิ่งๆ กับที่อย่างนั้น”
ในโลกนี้คงไม่มีใครอีกแล้วที่จะสั่งให้การ์มสามารถนั่งอยู่นิ่งๆ ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วการ์มนั่นคือ “หมาป่าโลกันตร์”[1] ที่สูงถึงห้าฟุต และหนักเท่าหินยี่สิบก้อน[2] ขนรอบคอสีดำขลับ ในขณะที่ดวงตานั้นมีสีแดงดุจเปลวเพลิง การ์มนั้นเกิดมาเพื่อวิ่งทะยาน ไล่ล่า และลากเหยื่อ ไม่ใช่เพื่อนั่งนิ่งๆ ฟังคำสั่ง แต่นั่นคือสิ่งที่การ์มกำลังทำอยู่
เฉพาะกับ เอียร์ สเตกัลกิน เท่านั้น
การ์มมองไปยังนักรบสาวชาวนอร์น ร่างของเธอสูงใหญ่ เธอเอื้อมมือขึ้นไปเหนือคานที่สูงกว่าสิบสองฟุต หยิบเอาค้อนตอกสิ่วที่แขวนอยู่บนนั้นออกมา เธอส่งสายตามองกลับมายังการ์ม หมาป่าโลกันตร์ร่างโตพลันหันหน้ากลับและมองตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง
ไม่ใช่เพราะว่าเจ้าหมาป่าจะเกรงกลัวนักรบสาวหรือค้อนอันใหญ่ที่เธอกำลังกวัดแหว่งอยู่ในขณะนี้ เอียร์ใช้ค้อนตอกสิ่วสลักลายลงไปบนก้อนหินแกรนิตขนาดใหญ่จนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ในอีกไม่นานหินแกรนิตก้อนนี้จะกลายเป็นรูปแกะสลัก ในรูปของการ์ม แต่นั้นไม่ใช่สาเหตุที่การ์มยอมนั่งนิ่งๆ
การ์มยอมนั่งนิ่งๆ เพราะเอียร์คือจ่าฝูงของมัน
ค้อนในมือของเอียร์ยังคงตอกลงไปยังสิ่วแท่งนั้นอยู่เรื่อยๆ จนลวดลายชัดเจนขึ้น เศษหินจำนวนมากร่วงหล่นลงมาจากการตอกแต่ละครั้ง
รูปปั้นเริ่มขึ้นเค้าโครงของการ์ม
เอียร์ถอยหลังออกมาพลางปาดเหงื่อที่ไหลย้อยบนหน้าผาก ใบหน้าของเอียร์นั้นงดงามราวกับรูปปั้น ดวงตาสีเขียวราวมอสที่ขึ้นเกาะตามโขดหิน เธอมัดผมสีแดงของเธอให้เรียบร้อยด้วยเชือกหนัง ผ้ากันเปื้อนที่ทำจากหนั้งของเธอปกป้องร่างกายของเธอตั้งแต่อกจนถึงขาจากเศษหินแกะสลัก เธอทำสีหน้าจริงจังจ้องมองไปยังรูปร่างที่ก่อตัวขึ้นในก้อนหินแกรนิต “นี่อาจจะเป็นงานชิ้นเอกของข้าเลยก็ได้”
การ์มมองไปยังรูปแกะสลักรูปอื่นๆ ในโรงแกะสลักของเอียร์ ปรากฎเป็นรูปแกะสลักหมีน้ำแข็งตัวใหญ่ที่ยืนชูสองขาหน้าอยู่ ถัดไปเป็นรูปแกะสลักกวางเอลก์ตัวมหึมาที่สูงถึงหกฟุต ข้างๆ กันเป็นรูปสลักงูหิมะขนาดใหญ่ที่นอนขดตัวอยู่ มันสูงตั้งแต่จากพื้นขึ้นไปถึงคานหลังคา และถัดไปคือรูปสลักกองทัพนักรบชาวนอร์นจำนวนมากที่สลักขึ้นทั้งจากไม้และจากหิน แม้ว่าในทีแรกมันจะไม่ได้มีมากมายเป็นกองทัพขนาดนี้ แต่เวลาผ่านไปนักรบคนแล้วคนเหล่าก็มาให้เอียร์สลักรูปให้ก่อนที่จะออกไปต่อสู้กับดรากอนสปอว์น หนึ่งในนักรบของมังกรโบราณจอร์แม็ก
และถึงตอนนี้ เหล่านักรบเหล่านั้นก็เหลือแต่รูปสลักเหล่านี้
“สวัสดี บ้านแห่งสเตกัลกิน!” เสียงหนึ่งดังมาจากประตู ปรากฎเป็นนักรบชาวนอร์นคนหนึ่งที่เดินผ่านประตูเข้ามา เขามีผมยาวดุจหางม้า และใบหน้าที่เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ภายใน “โอ้หมี! อยู่กันเต็มเลย!”
ใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังชายคนดังกล่าวกระแทกไหล่ของเขาพลางร้องทัก “นั่นมันรูปสลักต่างหาก!”
เขาพยักหน้าเบาๆ และผมยาวดุจหางม้านั้นก็สั่นไปด้วย “ข้ารู้น่าว่าพวกนั้นเป็นรูปสลัก เราถึงมาที่นี่ยังไงล่ะ” เขาหยุดสะอึกทีหนึ่ง “และเร็วๆ นี้หนึ่งในรูปปั้นเหล่านั้นก็จะเป็นตัวข้า ข้าหมายถึง ข้าจะเป็นหนึ่งในนั้น หมายถึง ข้าจะมีรูปปั้นของข้าเอง โอ้อีกา เจ้าเหล้าเจ้านี่มันแรงจริงๆ อูริ”
เอียร์ยืนมองอยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหน ในมือของเธอยังคือถือค้อนและสิ่วอยู่เช่นเดิม ก่อนที่เธอจะก้าวเดินออกไปที่ประตูนั่น
การ์มเลิกโพสท่าและเดินตามเอียร์ไป
ชายคนนั้นสะดุดธรณีประตูจนเกือบล้ม
เอียร์เอ่ยขึ้น “พวกท่านนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วย … ความกล้าหาญ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า”
“ใช่!” เขาร้องตอบด้วยเสียงกระตือรือร้นพลางมองกลับออกไปยังนักรบชาวนอร์นคนอื่นๆ ที่ยืนรออยู่ข้างนอก “ข้าคือสยอร์ด ฟรอสต์ฟิสต์![3]”
“สยอร์ด โฟมฟิสต์?[4]” เธอแกล้งเรียกชื่อเขาผิด พลางทำหน้าคิ้วขมวดราวสงสัย
“นั่นแหละ ข้ามาในวันนี้ด้วยในนามของเสือหิมะ อีกา หมี และทุกสรรพชีวิต เพื่อประกาศสงครามต่อดรากอนสปอว์น!”
เอียร์พยักหน้า “ท่านมาผิดที่แล้ว ข้าไม่ใช่ดรากอนสปอว์น”
สยอร์ดหัวเราะขึ้น “แน่นอนว่าเจ้าไม่ใช่ เจ้าเป็นนอร์น เหมือนกับข้า”
“ข้าไม่ว่าไม่เหมือน”
“ไม่! ไม่แน่นอน” สยอร์ดกล่าว ก่อนที่จะเริ่มพูดด้วยท่าทีจริงจัง “เจ้าเป็นช่างแกะสลัก ในขณะที่ข้าฟาดฟันปิศาจ เจ้าฟาดฟันกับก้อนหิน”
เหล่านักรบข้างนอกหัวเราะร่า
เอียร์กำด้ามค้อนของเธอแน่น ราวกับว่าเธอจะฟาดมันใส่หน้าสยอร์ด ณ เดี๋ยวนั้น
“ข้าไม่ได้หมายความดูถูกเจ้า ข้าหมายถึงต้องมีคนทำรูปสลักของพวกข้าอยู่แล้ว”
การ์มหันไปมองเจ้านายของมันพลางคิดในใจว่าทำไมไม่เชือดเจ้าคนปากเสียคนนี้ทิ้งไปเสีย เอียร์สามารถทำได้สบายมาก หรือเพียงแค่เอ่ยปากสั่ง การ์มก็พร้อมที่จะจัดการนักรบปากเสียพวกนี้ให้ในทันที แต่เอียร์ก็ไม่ได้สั่งอะไรอีกเช่นกัน
“ท่านอยากได้รูปสลักเป็นรูปของท่าน”
สยอร์ดยกนิ้วขึ้นแตกที่ริมจมูกของเขา ส่งสัญญาณว่าเอียร์เข้าใจถูกต้อง
“อย่างนั้นก็เลือกเอาที่ต้องการได้เลย” เธอกล่าวพลางผายมือไปทางรูปปั้นนักรบชาวนอร์นมากมายที่กองอยู่ด้านหลัง “คนหนุ่มที่ใจกล้าแต่โง่เหมือนอย่างท่าน ที่รวมกลุ่มกันกรอกเหล้าจนคึกแล้วตัดสินใจจะออกไปกู้โลก ข้าพบคนพวกนั้นมาเป็นร้อยครั้ง คนที่จะไปจัดการกับดรากอนสปอว์น”
สยอร์ดเผยยิ้มขึ้นที่มุมปาก “อย่างนั้นท่านก็เข้าใจข้าดี” เขาพูดพลางยื่นถุงเงินมาให้เอียร์
เอียร์มองกลับไปที่เขา “เก็บเงินของท่านเอาไว้เถิด ไปเปิดห้อง นอนหลับให้สบาย พวกท่านไม่มีทางเอาชนะดรากอนสปอว์นได้”
สยอร์ดก้าวถอยหลังไปด้วยความรู้สึกโดนดูถูก เหล่านักรบที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาหันมามองพลางยกคิ้ว “เจ้ากำลังบอกให้ข้ายอมแพ้งั้นรึ? เจ้ากำลังบอกว่าให้ชาวนอร์นต้องคุ้นเคยกับการคอยอพยพหนีไปเรื่อยอย่างนั้นรึ? ทำไมเจ้าถึงขัดขวางคนที่จะออกไปต่อสู้กับศัตรูของเรา?”
“ข้าไม่ได้ขัดขวางท่าน ข้าเตือนท่าน”
“เตือนข้างเรื่องอะไร?”
“ท่านเอาชนะดรากอนสปอว์นไม่ได้ ท่านจะไปต่อสู้กับมัน แต่สุดท้ายแล้วจะกลายเป็นท่านที่ต่อสู้ให้กับมัน”
สยอร์ดจ้องมองมายังเอียร์ “ข้าจะต่อสู้กับมัน และข้าจะฆ่ามัน และเจ้าฉลองชัยชนะของข้า รับเงินนี่ไปเสีย”
เอียร์เปิดปากถุงมองเข้าไป ข้างในถุงปรากฎเป็นเหรียญเงินจำนวนหนึ่งที่มากพอประมาณ เธอถอนหายใจออกเฮือกหนึ่ง “ตามข้ามา สยอร์ด ฟรอสต์ฟิสต์ ไปเลือกแท่งไม้ที่จะทำเป็นอนุสรณ์[5]ของท่าน”
“อนุสาวรีย์[5]” เขาแก้ “และมันจะเป็นหิน ไม่ใช่ไม้”
“เหรียญเงินได้ไม้ เหรียญทองได้หิน”
สยอร์ดทำหน้าบึ้งคอตก “อย่างนั้นก็ไม้”
เอียร์เดินผ่านเขาและมุ่งตรงไปยังลานหน้าโรงแกะสลักโดยมีการ์มเดินตามหลังมา “ยังไงเสียไม้เฟอร์ก็ดีกว่าหินอยู่แล้ว” เธอกล่าวขึ้นพลางเดินผ่านเข้าไปยังกองท่อนไม้ตามแนวกำแพง “เฟอร์นั้นมีชีวิต มันโตขึ้นจากก้อนหิน รากของมันบดก้อนหินจนละเอียดเป็นเม็ดทราย”
“นี่เลย” สยอร์ดกล่าว สายตาของเขาดูประกายอีกครั้ง “ไม้ท่อนไหนล่ะที่จะมาเป็นรูปสลักของข้า?”
“ท่อนนี้” เอียร์หยุดอยู่ตรงท่อนไม้เฟอร์ขนาดกว้างสามฟุตและสูงสิบฟุต “ไม้ท่อนนี้จะเป็นรูปสลักของท่านตลอดไป”
สยอร์ดมองไปยังไม้ท่อนนั้นราวกับเห็นร่างของเขาเองถูกขังอยู่ในท่อนไม้ เขาพยักหน้าช้าๆ “ดี อย่างนั้นก็เริ่มได้เลย”
เอียร์พยักหน้าและปริยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะยกไม้ท่อนใหญ่นั้นมาวางไว้กลางลาน “ท่านไปอยู่อยู่ตรงนั้น”
สยอร์ดเดินไปยังที่ที่เอียร์บอกพลางส่งสัญญาณให้เพื่อนนักรบของเขาถอยออกมาจากบริเวณ
“และอย่าขยับ!” เธอสั่ง
สยอร์ดผายอกยกคอเชิดหน้า หมายโพสท่าให้ดูน่าเกรงขามที่สุด
การ์มทำท่าเหมือนอยากกุมขมับ
ในระหว่างที่เขากำลังโพสท่าอยู่นั้น เอียร์ก็กลับเข้าไปยังโรงแกะสลัก ก่อนจะกลับออกมาพร้อมเครื่องมือแกะสลักต่างๆ ที่คาดเอาไว้ที่เอว ตั้งแต่ขวานตัดไม้ ขวานสลัก มีด และสิ่ว เหล่านักรบยืนมองอย่างตื่นเต้นเมื่อเอียร์ย่างเท่าเข้ามายังท่อนไม้ที่จะกลายเป็นรูปสลักของสยอร์ดในอีกไม่ช้า
“จิตวิญญาณแห่งหมาป่า จงชี้นำข้า”
ในทีแรกเหล่านักรบชาวนอร์นก็หัวเราะคิกคัก แต่เสียงหัวเราะก็เงียบลงเมื่อเอียร์ดึงอุปกรณ์แกะสลักออกมาเป็นขวานด้านใหญ่ในมือทั้งสองข้าง เธอเหวี่ยงขวานวนเป็นวงขึ้นเหนือศีรษะอย่างช้าๆ
การ์มนั่งลงและมองดูอะไรสนุกๆ ที่กำลังจะเริ่ม
นักรบชาวนอร์นเหล่านี้ไม่ได้รับรู้เลยว่ากำลังจะเจอกับอะไรในอีกไม่ช้า เอียร์นั้นไม่ใช่เพียงแค่ช่างแกะสลักธรรมดาทั่วไป คำพูดที่เธอกล่าวนั้นไม่ใช่แค่พูดขึ้นเท่ๆ หากแต่เป็นการปลุกวิญญาณสัตว์ขึ้นมาและผสานกับพลังจากป่าไม้ในการสร้างงานสลัก
และมันก็ได้ผล
หัวขวานที่กวัดแกว่งไปมานั้นเริ่มสับลงบนท่อนไม้ฝานเอาเปลือกไม้หลุดร่อนออกมาทั้งแผ่นจากด้านหนึ่ง ขวานอีกเล่มสับตามลงมาและฝานเปลือกไม้อีกด้านให้หลุดออก ขวานคู่ลอยขึ้นอีกครั้งก่อนจะหมุนคว้างและค่อยๆ ตกลงผ่านท่อนไม้สลักลายก่อเป็นรูปร่างผู้ชายขึ้นมา
สยอร์ดหยุดโพสท่าและยืนอ้าปากค้าง
เอียร์หมุนท่อนไม้กลับมาอีกด้าน จับขวานสับลงบนเนื้อไม้อย่างเป็นจังหวะราวกับระบำ ใบขววานหั่นเอาไม้ส่วนอื่นออกนอกเหนือจากเนื้อไม้ที่จะกลายเป็นสยอร์ด เอียร์เก็บขวานใหญ่เข้าที่และดึงเอาขวานสลักออกมาในมือทั้งสอง ขวานคู่กระหน่ำตำตอกลงบนเนื้อไม้จนเศษกระจายปลิวว่อน และท่อนไม้เริ่มเห็นเป็นทรงองค์บุรุษ
“ยืดตัวตรง!” เอียร์ตะโกนสั่งโดยที่มือยังคงสับขวานต่อไป
สยอร์ดสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะกลับไปโพสท่าดังเดิม
แล้วก็ถึงเวลาที่เอียร์ดึงเอามีดสั้นและสิ่วออกมา เธอใช้ไม้และสิ่งกรีดสลักลวดลายลงบนเนื้อไม้ เก็บส่วนโค้ง ร่องรอย และรายละเอียดอื่นๆ จนท่อนไม้นั้นเริ่มปรากฎบุคคลต้นแบบของมันชัดเจนขึ้น
“นั่นมันข้านี่!” สยอร์ดกล่าวขึ้นแบบลืมหายใจ
และแล้วท่อนไม้ก็กลายออกเป็นร่างของนักรบชาวนอร์น
“จิตวิญญาณแห่งหมี จงชี้นำข้า”
และตอนนั้นเองที่มีดและสิ่วเริ่มดูเปลี่ยนไปและกลายเป็นกรงเล็บที่ยาวและแหลมคมขึ้นมาที่มือของเอียร์ พลันปรากฎออร่าร่างหมีขึ้นมาบนตัวของเธอ ภายใต้ออร่านั้นหาได้ใช่มัดมือและกล้ามเนื้อของนักรบนอร์นอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นกล้ามเนื้อของหมีกลิสลี่โบราณ เอียร์ภายใต้ร่างหมีโบราณสะบัดกรงเล็บทั่วท่อนไม้เพื่อเก็บรายละเอียดอื่นๆ ที่เหลือ
แล้วเธอก็ถอยออกมา พร้อมกับออร่าร่างหมีที่มลายหายไป เธอกลับกลายเป็น เอียร์ สเตกัลกิน อีกครั้ง ผู้เป็นทั้งศิลปินและนักรบ เธอทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งใกล้ๆ พลางมองไปยังรูปสลักที่เพิ่งเสร็จสิ้นลง
มันดูเหลือเชื่อ รูปสลักนี้ดูเหมือนกับจับเอาสยอร์ดไปใส่เอาไว้ในท่อนไม้ สยอร์ดจ้องตากับรูปสลักของเขาราวกับว่ามันมีชีวิตและเหมือนจริงจนยากที่จะแยกออก
เหล่าเพื่อนนักรบของสยอร์ดเริ่มกู่ร้องขึ้น “สยอร์ด! สยอร์ด! สยอร์ด! สยอร์ด!” พลางยกเขาขึ้นแห่โดยหารู้ไม่เลยว่านั่นจะพาพวกเขาไปยังจุดจบของพวกเขาเอง
“ไม่ใช่ข้า!” สยอร์ดหัวเราะลั่น “รูปสลักต่างหาก! รูปสลัก!”
เหล่านักรบวางสยอร์ดลงพลางหันไปยกรูปสลักนั้นขึ้นมาแทน “ยกไปที่ตลาด! ยกไปที่ตลาด!” พวกเขายังคงโห่ร้องด้วยความปีติ “สยอร์ดจะอยู่กับเราตลอดไว้ที่ตลาด!”
“และไม่มีที่ไหนอีก” เอียร์พึมพัมเบาๆ ในขณะที่การ์มเดินเข้ามานั่งข้างๆ การสลักรูปของสยอร์ดกินแรงกายมหาศาลและทำให้เอียร์เหนื่อยอ่อน เธอก้มลงไปมองการืมและกล่าวกับมันว่า “เขาช่วยเราไม่ได้ เขาช่วยตัวเขาเองไม่ได้ด้วยซ้ำ”
คืนนั้นเอียร์ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ เธอนอนพลิกตัวไปมา บ้างก็ลุกมาเดินวนพลางพึมพัมอะไรบางอย่าง บ้างก็ลุกมาวาดภาพอะไรบางอย่าง การ์มผลุนขึ้นจากผ้าห่มของมันและไต่ขึ้นไปบนโต๊ะพลางมองสิ่งที่เอียร์วาด
มันเป็นรูปของกองทัพที่สร้างจากก้อนหินและท่อนไม้
เวลาผ่านไปนับสัปดาห์ที่เอียร์ไม่ได้สลักรูปอะไรเพิ่มเติมนอกจากวาดแบบลงกระดาษ หรือเดินไปมาในลานบ้านพลางมองไปยังสะพานที่เชื่อมเมืองโฮลแบร็กกับเทือกเขาชีฟเวอร์พีกส์ การ์มเคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน เอียร์กำลังรออะไรบางอย่างอยู่ เขาสังเกตได้จากการที่เอียร์เตรียมลับมีดและชุบน้ำมันให้กับคันศรของเธอ
สองอาทิตย์ต่อมา ในขณะที่ดวงตะวันล่วงลับเขาสู่กลีบเมฆ พลันทหารยามแห่งโฮลแบร็กก็เริ่มส่งเสียงขึ้น
“ผู้บุกรุก! ผู้บุกรุก! ไอซ์บรูด!”
เอียร์ผละตัวออกจากภาพที่เธอกำลังวาดพลันคว้าชุดเกราะที่แขนไว้บนกำแพงออกมา เธอสลัดผ้ากันเปื้อนทิ้งและสวมแทนด้ยเกราะสำริดและผ้าคลุมไหล่ขนสัตว์ เธอรัดเชือกรองเท้าบู๊ดจนแน่นหนาพลางคว้ากระบอกศรขึ้นสะพาย เธอไม่ลืมที่จะหยิบบรรดามีดของเธอออกมาด้วย
เธอมองไปที่การ์มพลางกล่าว “แล้ววันนี้ข้าจะได้สลักรูปของสยอร์ดฟรอสต์ฟิสต์อีกครั้ง” ก่อนจะหยิบคันศรขึ้นและวิ่งตรงออกไปที่ประตู “ตามมา”
การ์มวิ่งตามจ่าฝูงของเธอออกไปสู่ลานเมืองที่ที่เสียงป่าวร้องของทหารยามผสานรวมกับเสียงรองเท้าบู๊ตกระทบกับพื้น เอียร์เข้าไปร่วมกับกลุ่มทหารยามโดยมีการ์มเดินตามไปติดๆ ช่างเหล็กบยอร์นเห็นทั้งคู่เข้าร่วมกองก็ผละออกจากงานตีเหล็กตรงหน้าพลางหยิบเกราะเหล็กขึ้นสวมใส่และเข้ามารวมกลุ่มกับเอียร์ พวกเขาวิ่งผ่านร้านทอผ้าที่ซึ่งสิลาสเดินออกมาพร้อมกับคุนธนูสั้นและหอกในมือ ช่างเพชนโอลินและช่างไม้ซอเร็นก็เข้าร่วมกลุ่มมาด้วยเช่นกัน คนเหล่านี้คือเหล่าช่างฝีมือแห่งโฮลแบร็กซึ่งมีเอียร์เป็นหัวหน้ากลุ่ม
“ไอซ์บรูดเหล่านี้จะมีชาวนอร์นอยู่ด้วย” เธอกล่าวในขณะที่กำลังวิ่งไปปักหลัก ณ สะพานทางตอนเหนือ “แต่พวกเขาไม่ใช่ชาวนอร์น พวกเขาเพิ่งถูกเปลี่ยน ความคิดของพวกเขาถูกขโมยไปโดยดรากอนสปอว์น พวกเขายังคงมีเลือดเนื้ออยู่ภายใต้แผ่นน้ำแข็งที่เกาะอยู่ และการฆ่าพวกเขาจะรู้สึกเหมือนกับการฆ่าพวกเราเอง”
บยอร์นพยักหน้าด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว “เราส่งพวกโง่ของเราขึ้นไปทางเหนือ แล้วดรากอนสปอว์นก็ส่งกองทัพของมันกลับลงมาทางใต้”
“ยังมีพวกอื่นด้วย พวกไอซ์บรูดที่อันตรายยิ่งกว่า” เอียร์กล่าวย้ำ “พวกมันเป็นปิศาจน้ำแข็งที่ไร้จิตใจ ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะต้องบอกกับพวกมัน แค่ทำลายพวกมันให้หมด”
สิลาสหยักหน้าอยู่ข้างๆ เขาเป็นนอร์นร่างเล็กที่อยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ในการต่อสู้ “นั่นก็หมายความว่าพวกที่ยังดูเหมือนนอร์น ก็ยิงมันด้วยธนูสินะ” เขาถามขึ้นพลางหยิบคันศรขึ้นมาง้างดู
“ใช่ และเราต้องฆ่าพวกมันให้ได้มากที่สุดตั้งแต่ที่ชายทุ่งก่อนที่พวกมันจะรุกเข้ามาถึงป้อมได้ ถ้าโชคร้ายพวกมันมีเยอะเกินไปและผ่านป้อมมาได้ ก็จะมาถึงสะพานที่พาไปสู่หอพราน” เธอกล่าวพลางมองไปยังสหายร่วมรบคนอื่นๆ “ทีนี้ก็งานหนักหน่อยล่ะ”
ไม่มีเวลาให้เสียอีกต่อไป กลุ่มของเอียร์วิ่งข้ามสะพานตรงไปยังทุ่งด้านหน้าโฮลแบร็ก ที่ปลายสะพานนั่นเป็นแนวกั้นที่ทำจากไม้ มีนักรบหลายคนประจำการรออยู่ที่นั่นอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึง คนุท ไวท์แบร์ และเหล่านักรบ “วูล์ฟบอร์น” ที่เขาฝึกเองกับมือด้วย
เอียร์วิ่งพากลุ่มของเธอผ่านกลุ่มนักรบอื่นๆ ไปยังจุดที่มีการป้องกันไม่แน่นหนานักพลางมองออกไปยังทุ่งด้านหน้า
“ข้าไม่เห็นอะไรเลย” สิลาสว่าขึ้นพลางหรี่ตามองออกไป
“นั่น” เอียร์กล่าวตอบ
กล่ามกลางหมอกควันที่ปกคลุมอยู๋เหนือท้องทุ่ง ค่อยๆ ปรากฎขึ้นเป็นฝูงไอซ์บรูดราวหนึ่งโหล แม้ว่าจะดูเทียบไม่ติดกับนักรบนอร์นนับร้อยที่ตั้งท่ารออยู่บนสะพาน แต่ยิ่งเหล่าไอซ์บรูดเคลื่อนตัวเข้ามาเรื่อยๆ ก็มีไอซ์บรูดปรากฎตัวเพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ จากแค่สิบกว่าตัว เพิ่มเป็นไล่เลี่ยกับนักรบนอร์น ก่อนที่จะเพิ่มเป็นสองเท่าในที่สุด
“เจ้าพวกนี้กลายเป็นผิวน้ำแข็งหรือยัง หรือเป็นพวกที่เพิ่งโดนเปลี่ยนมาใหม่ๆ?” สิลาสถามขึ้น “ตาข้าไม่ค่อยจะดี”
“ส่วนมากดูเหมือนเพิ่งจะถูกเปลี่ยนมาใหม่ๆ” เอียร์กล่าวขึ้น ไอซ์บรูดเหล่านี้แม้จะยังดูเหมือนแค่คนฝ่าลมหนาวจนมีน้ำแข็งบางๆ เกาะอยู่ตามเนื้อตัว แต่หากมองไปที่ตาแล้วกลับหาพบแววชีวิตไม่
“ลูกศรสินะอย่างนี้!” สิลาสกล่าวพลางคว้าศรขึ้นคันธนูสั้นของเขา
“ใช่ สิลาส” เอียร์ตอบพลางคว้าศรสองดอกมาขึ้นคันบนธนูยาวของเธอ “รอจนกว่าพวกมันจะมาถึงแนวไลเคน ไม่อย่างนั้นธนูพวกเจ้าจะยิงไปไม่ถึง” เอียร์กล่าวพลางปล่อยมือจากสายธนูส่งลูกศรลอยแหวกอากาศออกไปก่อนที่จะพุ่งหายไปในหมอกมืด ไม่นานหลังจากนั้นก็ปรากฎร่างไอซ์บรูดสองร่างที่ร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น ซ฿่งในขณะเดียวกันเอียร์ก็ปล่อยศรออกสองดอกออกไป
สี่ร่างล้มลง เพิ่มเป็นหก เพิ่มเป็นแปด ก่อนที่คนอื่นๆ จะเริ่มยิงธนูออกไป ร่างไอซ์บรูดนับสิบล้มลงตามที่เหล่านักรบแผลงศรออกไป แต่ไอซ์บรูดอีกนับร้อยที่เดินข้ามร่างที่ล้มลงมุ่งหน้าเข้ามายังสะพาน ทันทีที่พวกมันล่วงล้ำเข้ามาถึงแนวไลแคนสีแดง คันศรในมือสิลาสก็ปล่อยลูกดอกออกไปและปะทะเข้ากลางแสกหน้าของไอซ์บรูดผู้โชคร้าย
“พวกมันยังไม่เป็นผิวน้ำแข็ง!” สิลาสตะโกนขึ้น “จัดการพวกมัน!”
ในขณะที่พวกไอซ์บรูดเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พวกเขาก็เริ่มได้ยินเสียงร้องโหยหวนของพวกมัน ความปรารถนาที่จะรับใช้นายของมันทำให้มันรุดหน้าเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
เอียร์หมดศรไปกว่าห้ามัดในชั่วอึดใจ ไม่นานนักเธอก็มาถึงศรสองดอกสุดท้ายที่ส่งอีกสองร่างล้มลง
“จิตวิญญาณแห่งหมาป่า จงชี้นำข้า” เอียร์พึมพัม ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเริ่มเรืองแสงขึ้น มือเธอที่ถือขวานอยู่เริ่มเปล่งออร่าเรืองแสงออกมา เธอเริ่มกวัดแกว่งขวานในมือท่ามกลางฝนลูกดอกที่ยังถูกยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง
ไอซ์บรูดร่างหนึ่งไต่ข้ามเนินขึ้นมา ก่อนที่จะถูกขวานจามร่วงกลับลงไป “ตายเสีย!”
เอียร์โดดถอยมาด้านหลังก่อนที่จะอ้อมไปด้านข้างและสับขวานลงกลางตัวของไอซ์บรูดอีกตัวหนึ่ง ในเวลาเดียวกันไอซ์บรูดอีกตัวก็ไต่ข้ามเนินมาได้อีกครั้ง ก่อนที่เอียร์จะสับขวานผ่ากลางร่างลงไปราวกับมีดหั่นขนมปัง
“ถอยออกมา!” เอียร์สั่ง “เหลือที่ให้พวกมันลงมากองกัน”
สหายรบถอยออกมาตามที่เธอสั่งพลางฟาดฟันอาวุธในมือไปยังไอซ์บรูดที่อยู่ตรงหน้า
เอียร์ที่อยู่ตรงกลางนั้นพลันกวัดแกว่งมีดและขวานสลักในมือไปมา ดูราวกับเป็นการแกะสลักท่อนไม้มากกว่าที่จะเป็นการฟาดฟันลงเลือดเนื้อที่ถูกแช่แข็ง ผิวหนังและเศษเนื้อก้อนแล้วก้อนเล่าถูกอาวุธของเธอกรีดเลาะออกจากตัวเจ้าของร่าง และข้างๆ เธอนั้นก็เป็น การ์ม ที่ช่วยนายของมันจัดการกับฝูงไอซ์บรูด
ในขณะเดียวกัน ช่างเหล็ก บยอร์น ก็ทุบร่างไอซ์บรูดราวกับเขากำลังตีดาบอยู่ ในขณะที่โอลินและซอเร็นต่างก็ต่อสู้แบบหลังชนหลัง
เหลือก็เพียงแต่สิลาส เขาสังหารไอซ์บรูดลงสองตัวก่อนที่พวกมันจะข้ามเนินมาได้ แต่แล้วไอซ์บรูดอีกสองตัวก็คว้าตัวเขาได้ ตัวหนึ่งฉีกหน้าท้องลากเครื่องในของเขาออกมาในขณะที่อีกตัวหนึ่งระดมทุบเข้าที่ใบหน้าของเขา
เอียร์ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของสิลาส พลางพุ่งตัวไปยังไอซ์บรูดทั้งสองในทันที ขวานสลักในมือของเธอสับลงกลางหลังของไอซ์บรูดตัวหนึ่ง ในขณะที่การ์มก็กระโดดกัดคอลากร่างไอซ์บรูดอีกตัวออกมา
เธอรีบผละเข้าหาเพื่อนนักทอผ้าของเธอ แต่สายไปเสียแล้ว สิลาสสิ้นลมลง ณ ตรงนั้น
เอียร์ร้องคำรามลั่นด้วยความเจ็บปวด พลางระบายมันออกมาผ่านคมมีดที่กรีดบั่นคอของไอซ์บรูดรอบๆ ตัวเธอตัวแล้วตัวเล่า ขณะเดียวกันไอซ์บรูดตัวหนึ่งก็ไต่ข้ามเนินเข้ามา เธอจำใบหน้าของชายผมม้าคนนี้ได้แม้มันจะบิดเบี้ยวผิดรูปไปจากเดิม เนื้อหนังของเขาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ดวงตาสีขาวโพลนที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดของดรากอนสปอว์น
“จิตวิญญาณแห่งหมี จงชี้นำข้า” เอียร์พึมพำพลางพุ่งตรงไปยังร่างนั้น
ร่างนั้นเป็นร่างเดียวกับรูปสลักที่ตั้งอยู่ในลาน เธอพุ่งไปตรงที่ร่างนั้นพลางกวัดแกว่งมีดในมือเธอลงบนร่างนั้นราวกับทำการแกะสลักอีกรูปสลักให้กับเขาอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ไม่ใช่การสลักบนท่อนไม้ หากแต่เป็นการสลักบนร่างที่เลือดเนื้อโดนแช่แข็งไปจนสิ้น บนร่างของ สยอร์ด ฟรอสต์ฟิสต์
ชั่วครู่เดียว เอียร์ ในร่างออร่าของหมีก็ผละถอยออกมา เผยให้เห็นเศษเนื้อที่กองอยู่ตรงหน้าของเธอ
นั่นเป็นสิ่งที่เธอทำตลอดการตลอดสู้ครั้งนั้น นั่นเป็นการล้างแค้นให้สิลาส และการปกป้องโฮลแบร็ก แต่แม้ว่าเมื่อการต่อสู้จะจบลงการด้วยที่ชาวนอร์นสามารถป้องกันโฮลแบร็กเอาไว้ได้ แต่ดูเหมือนว่าชัยชนะจะเป็นของดรากอนสปอว์น
และในคืนนั้นที่โรงแกะสลักของเอียร์ นักรบสาวสลัดชุดเกราะออก เธอเทน้ำอุ่นลงในอ่างพลางลงแช่ล้างรอยคราบแห่งการต่อสู้ เมื่อร่างกายสะอาดดีแล้วเธอก็สวมคลุมด้วยเสื้อคลุมธรรมดาๆ ก่อนจะใช้น้ำอุ่นในอ่างนั้นล้างเนื้อล้างตัวให้กับการ์มอีกรอบหนึ่ง
การ์มพาร่างเปียกๆ ที่เหนื่อยอ่อนจากการต่อสู้ไปนอนซุกในผ้าห่มของมัน แม้มันจะเหนื่อยขนาดไหนแต่ก็มันไม่สามารถหลับสนิทลงได้ มันสะดุ้งตื่นขึ้นตลอดคืนจากภาพของศัตรูที่หลอกหลอนมันอยู่ในฝัน
แต่สำหรับเอียร์นั้นเธอถูกหลอกหลอนด้วยสิ่งอื่น เธอเดินไปท่ามกลางกองทัพรูปสลักของเธอก่อนที่จะไปหยุดอยู่ตรงรูปสลักรูปหนึ่ง รูปสลักนั้นเป็นร่างชายชาวนอร์นที่ดูมีอายุคนหนึ่ง รูปร่างนั้นแม้จะดูงุ้มหลังเล็กน้อยแต่ก็ยังเห็นภาพในอดีตที่เคยเป็นร่างอันสง่าผ่าเผย หัวของเขาโล้นเตียน เบ้าตาดูห่อเหี่ยวตามวัย หากแต่บนใบหน้านั้นยังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความหวัง
“ท่านพ่อ วันนี้เราหยุดพวกมันได้” เอียร์เอ่ยขึ้นในขณะที่หลบสายตามองไปยังปลายเท้าของรูปสลัก “ข้าแค่หวังว่าคนอื่นจะหยุดพวกมันเพื่อท่านได้ในตอนนั้น” มือของเธอเอื้อมไปสัมผัสกับมือของรูปสลักที่สลักขึ้นจากหินที่เย็นเฉียบ เธอเป็นสลักมือนั้นด้วยตัวเองจากความทรงจำของมือที่เธอคือกุมในวัยเด็ก ก่อนที่ไอซ์บรูดจะรุกราน
“ท่านพ่อ ข้าจะสังหารดรากอนสปอว์น ข้าจะสังหารทั้งดรากอนสปอว์นและมังกรโบราณไปด้วยกัน”
- หมาป่าโลกันตร์ – Dire wolf
- หน่วยวัด Stone เท่ากับ 14 ปอนด์ หรือ 6.35 กิโลกรัม
- Sjord Frostfist – สยอร์ด หมัดน้ำแข็ง
- Sjord Foamfist – สยอร์ด หมัดฟองโฟม
- อนุสรณ์ (Memorial) ใช้สำหรับรำลึกถึงความสูญเสีย ในขณะที่อนุสาวรีย์ (Monument) ใช้ระลึกถึงความสำเร็จ หรือในบางครั้งใช้รำลึกถึงความสูญเสียที่น่าจดจำ